โฟกัส 3 ประเด็น
บุคคล-นโยบาย-พฤติกรรม
หมายเหตุ - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “บ้านเมือง” ในฐานะรับหน้าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
+ การทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่มีเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะมีหลักการทำงานอย่างไร
- มันมีหลักของมันอยู่แล้วคือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งมีกรอบการตรวจสอบกว้างๆ 3 เรื่องคือ 1.ตัวบุคคลที่ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี 2.เรื่องนโยบายที่รัฐบาลจะดำเนินการ และ 3.พฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้รัฐบาลที่มีเสียงเกินครึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้มีเสียงในสภาเบ็ดเสร็จ บริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เพราะนอกจากการตรวจสอบจากพรรคฝ่ายค้านแล้ว ผมคิดว่าองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชน และกลไกอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบอยู่ด้วย บางครั้งรัฐบาลแม้จะมีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จแต่ก็ขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปได้ หากมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง และประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ หากพูดถึงการยกมือในสภา ฝ่ายค้านแพ้แน่นอน เพราะโดยธรรมชาติเสียงต้องน้อยกว่ารัฐบาลอยู่แล้ว แต่ว่ากระแสกดดันจากภายนอกถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกมันก็มีส่วนช่วยให้ฝ่ายค้านมีความชอบธรรมมากขึ้นในการตรวจสอบรัฐบาล หรือถ้าถึงขั้นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ถือว่าเป็นมาตรการรุนแรงที่สุดในระบอบรัฐสภาแล้วก็จะทำให้ฝ่ายค้านมีความชอบธรรมมากขึ้น ในการทำหน้าที่แทนประชาชน
+ มองอย่างไรที่สังคมเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์คือฝ่ายค้านมืออาชีพ
- คงเป็นคำพูดเสียดสีมากกว่า ซึ่งความจริงเราก็ทำหน้าที่ได้ทั้งเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล และพรรคก็อยู่มา 60 ปี ก็เป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาแล้ว และถ้าจะเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งเราก็ทำหน้าที่ของเราได้ ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่อย่างเต็มใจ เพราะถือว่าไม่ใช่อยู่ๆ ใครอยากเป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ มันต้องได้รับมอบหมายจากประชาชนมาก่อน จึงถือเป็นภารกิจที่มีเกียรติเหมือนกัน แต่ว่าบางพรรคเป็นฝ่ายค้านแล้วไม่คิดจะทำหน้าที่ อาจจะรู้สึกท้อแท้ ท้อถอย สิ้นหวัง ไม่อยากจะทำอะไร แต่สำหรับเราไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเป็นฝ่ายค้านก็ถือเป็นภารกิจหนึ่งที่ประชาชนมอบหมาย ส่วนจะทำให้รัฐบาลกลัวการตรวจสอบหรือไม่คงตอบแทนไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับรัฐบาล เหมือนกับว่าถ้ามีตำรวจ แล้วไม่มีโจร ถึงมีตำรวจก็ต้องมีโจร แต่ผมคิดว่าในการทำหน้าที่ของเรา เราทำอย่างเต็มที่ ด้วยความตั้งใจ ตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นถ้ามีการทุจริตหรือไม่ถูกต้อง เกิดความไม่ชอบมาพากล เราก็ทำหน้าที่ของเราแทนประชาชนที่จะตรวจสอบ
+ กับเสียงวิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประเภทค้านทุกเรื่อง
- ที่จริงหัวหน้าพรรคก็พูดชัด ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ คือค้านในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ความหมายของฝ่ายค้านสร้างสรรค์คือการค้านในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และการค้านนี้มันไม่จำเป็นต้องค้านทุกเรื่อง อะไรที่เขาทำดี ถูกต้องก็ต้องสนับสนุน ยกเว้นในเรื่องที่เขาทำไม่ดี มันก็ต้องค้าน ถ้าทำไม่ดีทุกเรื่อง แน่นอนว่ามันก็ต้องค้านทุกเรื่อง เพราะถ้าทำไม่ดีทุกเรื่อง แน่นอนมันต้องค้านทุกเรื่อง ถ้าทำไม่ดีทุกเรื่องแล้วไปตำหนิว่าเหตุใดไปค้านทุกเรื่องคงทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ดีก็ต้องค้าน ทำดีก็ต้องสนับสนุน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลทำดีก็ไม่จำเป็นต้องค้าน
+ มองอย่างไรกับปัญหาการประชุมสภาที่มีบ่อยๆ ไม่ว่าการตีรวน หรือการวอล์กเอาท์ป่วนสภา
- ผมคิดว่าเราคงไม่ทำเหมือนฝ่ายค้านชุดที่แล้ว แต่แน่นอนถ้าสมมุติมีประเด็นของการใช้เสียงข้างมากลากไป ในสิ่งที่มันไม่ถูกต้องจริงๆ และเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้จริงๆ เพราะว่าจะสร้างความเสียหายกับส่วนรวมหรือผลประโยชน์ประชาชน มันก็อาจจะมีมาตรการ บางมาตรการที่เป็นมาตรการสากลที่ฝ่ายค้านทั่วโลกเขาก็ทำกัน เราก็คงต้องมาพิจารณาในแต่ละกรณี แต่รับรองว่าประชาธิปัตย์จะไม่มีการที่เป็นฝ่ายค้านแล้วจะตั้งหลักตีรวนในสภา ไม่มีเช่นนั้นแน่นอน ผมคนหนึ่งที่เป็นหลักว่าไม่คิดจะทำแบบนั้นแน่นอน เพราะอยากเห็นงานสภาเดินหน้าไปด้วยความราบรื่น กฎหมายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราก็ต้องสนับสนุน ย้อนกลับไปดู ตอนเราเคยเป็นฝ่ายค้านก็ยกมือให้กับกฎหมายต่างๆ มากมาย
+ เสียงของรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านมากจะมีปัญหาการทำหน้าที่ฝ่ายค้านหรือไม่
- ผมไม่กังวลเรื่องเสียง เพราะแน่นอนว่าเสียงของฝ่ายค้านต้องน้อยกว่า ยกมือเมื่อไรก็แพ้ เพียงแต่ว่าเราจะต้องเอาเหตุเอาผลมาสู้กัน แล้วจะต้องทำการบ้าน อะไรที่เกิดความเสียหายต่อส่วนร่วม เราก็ต้องชี้แจงให้เห็น ประชาชนเขาก็เฝ้ามองอยู่ ผ่านการถ่ายทอด ประชาชนที่ติดตามก็มีไม่น้อย ที่สำคัญคือต้องไม่มีการปิดกั้นสื่อที่รายงานการประชุม โดยใช้อำนาจรัฐเข้าไปทำ
+ จะปรับงานจากบทเรียนของเดิมมาพัฒนาอย่างไร
- คิดว่างานก็ไม่ได้ซับซ้อน ที่สำคัญคือว่าการทำหน้าที่ในสภา ก็คงจะต้องมีคนที่จะทำหน้าที่ในการแสดงความคิดเห็นแทนฝ่ายค้านที่ตรงประเด็น และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ดังนั้นเมื่อมีความเห็นว่าควรจะให้ความสำคัญในประเด็นนี้ แนวนี้แล้ว ต้องมีการจัดคนที่ถ่ายทอดความคิดได้ตรงประเด็น นี่คือเรื่องที่ว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะบางครั้งเวลาอภิปราย มันจะมีทั้งคนที่วิปคุมได้ และไม่ได้ ที่แสดงความเห็นออกนอกแนวทาง นี่จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน มันก็ต้องมีการเตรียมกันในเรื่องนี้ ก็ถือเป็นภารกิจหนึ่งของวิป และการแสดงความเห็นต่อประเด็นทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในแต่ละสถานการณ์ก็ต้องทำหน้าที่นี้ควบคู่ไปด้วย ผมเองก็จะรับผิดชอบในส่วนหนึ่ง
+ ได้ประเมินสถานการณ์อย่างไรต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาของปี 2540 มาใช้
- อันนี้คือสิ่งที่เราต้องติดตามต่อไป ความจริงเราเคยแสดงจุดยืนไปแล้วว่าเราไม่เห็นด้วยเพราะอยู่ๆ การเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้จะมีผลไปถึงการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 บางมาตรา และมีผลต่อการนิรโทษกรรม ประเด็นผลประโยชน์ ประเด็นทางการเมืองส่วนบุคคล และประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็น
+ แกนนำคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ใหม่
- ผมคิดว่ามันมีวาระซ่อนเร้นสำหรับความพยายามที่จะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ เพราะจะมีผลให้คนบางคน บางกลุ่มได้ประโยชน์ รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ใช้ในปัจจุบันมีจุดที่ทำให้ถูกโจมตีได้อยู่ ประเด็นใหญ่คือการอ้างว่ามันมาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่พัฒนามาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 จุดอ่อนของรัฐธรรมนูญปี 2540 มีอะไรบ้างก็นำมาปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่แล้ว
+ พรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมากในสภาฯ ห่วงจะเป็นเผด็จการรัฐสภาหรือไม่
- ต้องดูพฤติกรรมต่อไป ต้องดูต่อไปว่าเป็นอย่างไรถ้าประธานสามารถควบคุมการประชุมให้เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยมันก็ไม่มีอะไรน่ากังวล สำคัญคือประธานต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ที่สำคัญอันนี้ที่กังวลมากกว่า ทั้งหมดไม่ได้หมายความว่า ประธานจะไม่เป็นกลาง แต่ถ้าฝ่ายค้านจะไปกังวลตรงความเป็นกลางของประธานมากกว่า แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่า ท่านจะไม่เป็นกลาง แต่พูดถึงประเด็นถ้าจะกังวลควรจะเป็นประเด็นที่กล่าว ส่วนประเด็นเสียงรัฐบาลมาก ไม่รู้สึกกังวล เพราะคนที่เป็นรัฐบาลเสียงต้องมากกว่าฝ่ายค้านอยู่แล้ว
No comments:
Post a Comment